PROFHILO ช่วยอะไร เหมาะกับใคร แตกต่างจากฟิลเลอร์ และสารกระตุ้นคอลลาเจนตัวอื่นอย่างไร ?

Soluna Clinic กรุงเทพกรีฑา

061 423 9539

พญ.ริสา หล่อสุวรรณรัตน์

ทุกวัน จันทร์ อังคาร พฤ เสาร์ 12:00 น. ถึง 19:00 น.

พญ. อัณณาช์ เตรียมอนุรักษ์

ทุกวัน พุธ ศุกร์ อาทิตย์ 12:00 น. ถึง 19:00 น.

PROFHILO คืออะไร ?

Profhilo (โปรฟิโล) เป็นนวัตกรรม Bio-Remodelling ที่ออกแบบมาเพื่อฟื้นฟู ซ่อมแซมและปรับโครงสร้างผิวใหม่อย่างล้ำลึก ด้วยส่วนประกอบหลักจาก กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid – HA) สังเคราะห์บริสุทธิ์ 100% ปราศจากสารเติมแต่งหรือเจือปนใด ๆ ซึ่งทำให้สามารถกระตุ้นการฟื้นฟูผิวในระดับเซลล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Profhilo ช่วยกระตุ้นการสร้าง คอลลาเจน และ อีลาสติน ในผิวโดยไม่ก่อให้เกิดการอักเสบ พร้อมลดเลือนริ้วรอยและความหย่อนคล้อย คืนความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้นให้แก่ผิวอย่างเต็มที่ ผลลัพธ์ที่ได้คือผิวที่ดูเปล่งปลั่ง กระชับ และอ่อนเยาว์ เปรียบเสมือนการฟื้นคืนชีวิตชีวาให้กับผิวอีกครั้ง

PROFHILO ฟื้นฟูผิวอย่างไร ?

Profhilo เป็นนวัตกรรมที่ช่วยฟื้นฟูและปรับโครงสร้างผิวในทุกชั้นผิว ด้วยการทำงานแบบ “Bio-Remodelling” โดยกระตุ้นการสร้างและซ่อมแซมเซลล์ในชั้นต่าง ๆ ของผิวอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ผิวดูอ่อนเยาว์ เต่งตึง และสุขภาพดี

การทำงานในแต่ละชั้นผิว

  1. ชั้นผิวกำพร้า (Epidermis)
    • กระตุ้นเซลล์ Keratinocytes ที่ช่วยสร้างโปรตีนเคราติน
    • เพิ่มเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง ลดการสูญเสียความชุ่มชื้น
    • ทำให้ผิวเรียบเนียน ดูสุขภาพดี
  2. ชั้นหนังแท้ (Dermis)
    • กระตุ้นเซลล์ Fibroblast ที่มีหน้าที่สร้างคอลลาเจน อีลาสติน และสารในโครงสร้างผิว
    • เพิ่มความยืดหยุ่น ความแน่นกระชับ และลดเลือนริ้วรอย
    • ฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์
  3. ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat)
    • กระตุ้นเซลล์ Adipocyte ช่วยเพิ่มปริมาตรและความสมบูรณ์ของชั้นไขมันใต้ผิว
    • ลดรอยลึก ทำให้ใบหน้าดูอิ่มเอิบและมีวอลลุ่ม
  4. ชั้นกล้ามเนื้อ (Muscle)
    • กระตุ้นเซลล์ Myocytes เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ
    • ช่วยยกกระชับผิวและโครงหน้าทำให้ใบหน้าดูเต่งตึง
  5. ชั้นกระดูก (Bone)
    • กระตุ้นเซลล์ Osteoblasts ซึ่งช่วยฟื้นฟูความหนาแน่นของกระดูกใบหน้า
    • ปรับสมดุลโครงสร้างใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ในระยะยาว

PROFHILO กระตุ้นคอลลาเจนหลากหลายชนิด

Profhilo สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนถึง 4 ชนิด ได้แก่
• Collagen Type I: ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของผิว
• Collagen Type III: เพิ่มความยืดหยุ่นของผิว
• Collagen Type IV: ช่วยในกระบวนการสร้างโครงสร้างผิว
• Collagen Type VII: ช่วยยึดผิวให้แน่นกระชับ

ผลลัพธ์ที่ได้คือผิวที่เรียบเนียน เต่งตึง ชุ่มชื้น และมีสุขภาพดี

ข้อมูลนี้ไม่เกินจริงเพราะมีงานวิจัยเยอะมากๆทั่วโลกว่า เมื่อคนมีอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป ปริมาณคอลลาเจนในผิวหนังจะลดลง 1.5% ทุกปี

โดยเฉพาะหลังอายุ 25 ปี ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง ซึ่งส่งผลต่อความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของผิวหนัง การลดลงของคอลลาเจนนี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการชราภาพตามธรรมชาติ

PROFHILO เพิ่มการไหลเวียนโลหิตที่ดีขึ้น

Profhilo ยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตในบริเวณที่ทำการรักษา ส่งผลให้ผิวดูเปล่งปลั่ง สดใส และมีชีวิตชีวา

ด้วยการทำงานแบบ Bio-Remodelling
Profhilo จึงไม่ใช่แค่การเติมเต็มผิว แต่เป็นการฟื้นฟูโครงสร้างผิวอย่างล้ำลึกในทุกชั้นผิว ช่วยชะลอความเสื่อมของผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ คืนความอ่อนเยาว์และสุขภาพดีให้ผิวในระยะยาว

PROFHILO – Not Skinbooster or Filler

Hyaluronic Acid (HA) เป็น polysaccharide (พอลิแซ็กคาไรด์) สารที่มีอยู่ในร่างกายของมนุษย์ตามธรรมชาติ หน้าที่หลักของมันคือช่วยคงความชุ่มชื้นให้กับเนื้อเยื่อ คุณสมบัติพิเศษของ HA คือการกักเก็บน้ำในผิวหนัง ทำให้ผิวสามารถรักษาความชุ่มชื้นได้ดี อย่างไรก็ตาม เมื่อเราอายุมากขึ้น ปริมาณ HA ในผิวจะลดลง ส่งผลให้ผิวบางลง ดูแห้งกร้าน และมีริ้วรอยที่ชัดเจนมากขึ้น

Skinboosters: เติมความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นให้ผิว

Skinboosters เป็นการรักษาที่ออกแบบมาเพื่อเติม Hyaluronic Acid ที่สูญเสียไปในชั้นผิว โดยใช้สาร HA ที่มีความหนืดต่ำฉีดเข้าไปในชั้นกลางของผิวหนัง (Mid Dermis) เพื่อฟื้นฟูความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่น

Filler: เพิ่มปริมาตรและปรับรูปหน้า

ฟิลเลอร์ออกแบบมาเพื่อเติมเต็มในบริเวณที่สูญเสียไป หรือเติมเต็มร่องลึกต่าง ๆ โดยมักฉีดในชั้นผิวที่ลึกกว่า มีส่วนประกอบหลักคือ Hyaluronic Acid เช่นกัน แต่ HA ในฟิลเลอร์ถูกปรับเปลี่ยนด้วยกระบวนการเชื่อมขวาง (Cross-Linking) โดยใช้สารเคมีอย่าง 1,4-Butanediol diglycidyl ether (BDDE) เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานขึ้น

PROFHILO: นวัตกรรมใหม่ที่แตกต่างจาก Skinboosters และ Filler

แม้ว่า Profhilo จะมีส่วนประกอบหลักเป็น Hyaluronic Acid เช่นกัน แต่หัวใจสำคัญของ Profhilo คือเทคโนโลยีล้ำสมัยที่เรียกว่า Hybrid Cooperative Complex (HCC) ซึ่งเป็นโครงสร้าง Hyaluronic Acid ที่พัฒนาขึ้นมาโดยเฉพาะ Profhilo ไม่ได้เน้นการเติมเต็มหรือการเพิ่มความชุ่มชื้นเฉพาะจุด แต่เข้าไป ปรับปรุง ฟื้นฟูคุณภาพผิวโดยรวมในระดับลึก ผ่านการกระตุ้นการสร้าง คอลลาเจน และ อีลาสติน ในผิว

Profhilo – นวัตกรรม Hybrid Cooperative Complexes ที่มาพร้อมคุณสมบัติเฉพาะตัว

Profhilo เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นของ Hyaluronic Acid (HA) สูงที่สุดในปัจจุบัน โดยมีความเข้มข้น 32 มก./มล. (เปรียบเทียบกับ Juvederm Voluma และ Restylane ที่มีความเข้มข้นเพียง 20 มก./มล.)

Hyaluronic Acid ใน Profhilo ประกอบด้วยทั้ง HA น้ำหนักโมเลกุลสูง (High Molecular Weight : H-HA) และ HA น้ำหนักโมเลกุลต่ำ (Low Molecular Weight : L-HA) ซึ่งไม่มีการเชื่อมขวาง (Non-Crosslinked) ต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไป

ด้วยกระบวนการเฉพาะที่เรียกว่า NAHYCO® Hybrid Technology ทำให้สายโซ่ของ H-HA และ L-HA ใน Profhilo สามารถรวมตัวกันเป็น Hybrid Cooperative Complex (HCC) ที่มีคุณสมบัติทางกายภาพที่โดดเด่น

คุณสมบัติพิเศษของ PROFHILO

  1. ความเข้มข้นของ HA สูงมาก
    • Profhilo มี HA ทั้ง H-HA และ L-HA ในปริมาณ 32 มก./มล. รวมกันทั้งหมด 64 มก. ใน 2 มล. ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในบรรดาผลิตภัณฑ์ HA ที่มีในขณะนี้ทั้งหมด
  2. การกระจายตัวอย่างกว้างขวาง (Extensive Spreadability)
    • Profhilo มีค่า Tan Delta (อัตราส่วนระหว่างความหนืดและความยืดหยุ่น) เท่ากับ 1.36 ซึ่งช่วยให้ HA สามารถกระจายตัวทั่วใบหน้าได้อย่างสม่ำเสมอหลังการฉีด
  3. ความหนืดต่ำ (Low Viscosity)
    • Profhilo มีค่า G’ (ค่าความแข็งแรงของเจล) เท่ากับ 39 ซึ่งหมายความว่าไม่สามารถยกโครงสร้างผิวได้เหมือนฟิลเลอร์ทั่วไป แต่เน้นการฟื้นฟูผิวในระดับลึกแทน
  4. ไม่มีสารเชื่อมขวาง (BDDE-Free)
    • ไม่มีการใช้สารเคมีอย่าง 1,4-Butanediol diglycidyl ether (BDDE) หรือสารอื่น ๆ ในการเชื่อมขวาง HA
  5. การตอบสนองอักเสบต่ำ (Low Inflammatory Response)
    • ด้วยความเหนียวแน่น และการผสานตัวกับผิวที่ดีเยี่ยม HA ใน Profhilo จึงไม่ก่อให้เกิดการอักเสบหลังฉีด
  6. คงอยู่ในผิวได้นานกว่าผลิตภัณฑ์ HA ที่ไม่เชื่อมขวางอื่น ๆ
    • Profhilo สามารถอยู่ในผิวได้ถึง 30-45 วัน ก่อนถูกย่อยสลายตามธรรมชาติ โดยเอนไซม์ Hyaluronidase ซึ่งใกล้เคียงกับ HA ที่ผ่านการเชื่อมขวางบางชนิด ในขณะที่ HA ที่ไม่เชื่อมขวางทั่วไปมักคงอยู่เพียงวันเดียว

ด้วยเทคโนโลยี Hybrid Cooperative Complexes ที่เป็นเอกลักษณ์ Profhilo จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมือนฟิลเลอร์หรือสกินบูสเตอร์ทั่วไป มันช่วยฟื้นฟูและปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวม ผ่านการกระจายตัวที่สม่ำเสมอ การให้ความชุ่มชื้นอย่างล้ำลึก และการคงอยู่ในผิวได้นาน โดยไม่ก่อให้เกิดการอักเสบ เป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์การดูแลผิวในยุคปัจจุบันได้อย่างสมบูรณ์แบบ

การรักษาที่ปลอดภัยและความเจ็บปวดน้อยด้วยเทคนิค BAP

หนึ่งในจุดเด่นที่ทำให้ Profhilo ได้รับความนิยมอย่างมาก คือเทคนิคการฉีดที่เรียกว่า BAP Technique ซึ่งช่วยลดจำนวนจุดที่ต้องฉีดเมื่อเทียบกับ Skinboosters แบบเดิม ที่มักต้องใช้หลายจุดทั่วใบหน้า ทำให้การรักษาสะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพสูง ผู้ที่เข้ารับการรักษาสามารถมั่นใจได้ในผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความไม่สะดวกหรือเวลาพักฟื้นนาน

สำหรับ Profhilo การรักษาบริเวณใบหน้าและลำคอต้องใช้เพียง
• 5 จุดต่อข้างบนใบหน้า
• 10 จุดสำหรับลำคอทั้งหมด

BAP Technique คืออะไร?

BAP (Bio Aesthetic Points) เป็นการเลือกจุดฉีด 5 จุดบนใบหน้าที่ถูกออกแบบมาอย่างเหมาะสมตามหลักกายวิภาค โดยเลือกบริเวณที่มีหลอดเลือดและเส้นประสาทขนาดใหญ่อยู่ในปริมาณน้อย จึงช่วยลดความเสี่ยงจากการฉีด และยังช่วยให้ผลิตภัณฑ์กระจายตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพในบริเวณโหนกแก้ม (Malar) และใต้โหนกแก้ม (Submalar)

ความพิเศษของ Profhilo คือการใช้ Hybrid Cooperative Complexes (HCC) ที่ช่วยลดความหนืดของผลิตภัณฑ์ แต่ยังคงคุณสมบัติการกระจายตัวในเนื้อเยื่อได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้สามารถฉีดในจำนวนจุดที่น้อยลง แต่ได้ผลลัพธ์ที่ครอบคลุม

การรักษาบริเวณอื่น

สำหรับบริเวณลำคอ การฉีดจะใช้ 10 จุด ทั่วบริเวณ โดยมีมาตรฐานที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม การฉีด Profhilo ในบริเวณอื่น เช่น หน้าผากหรือแขน ยังคงอยู่ในระหว่างการพัฒนามาตรฐานและโปรโตคอล (Protocol) การรักษา

ข้อดีของเทคนิค BAP


• ลดความเจ็บปวดและระยะเวลาพักฟื้น
• เทคนิค BAP ช่วยลดความไม่สบายตัวที่เกิดจากการฉีดหลายจุดเมื่อเทียบกับ Skinboosters หรือ Mesotherapy แบบเดิม
• ผลข้างเคียงมีเพียงอาการบวมเล็กน้อยหรือรอยช้ำ ซึ่งจะหายไปเองในเวลาอันสั้น
• หลังฉีด อาจมีตุ่มนูนเล็ก ๆ ที่จุดฉีด แต่จะจางหายภายในไม่กี่ชั่วโมง เมื่อผลิตภัณฑ์เริ่มกระจายตัวทั่วผิวหนัง
• ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ
• เทคนิคนี้ได้รับการพิสูจน์ในงานวิจัยทางคลินิกหลายฉบับว่ามีประสิทธิภาพสูง และช่วยลดการใช้เทคนิคฉีดแบบเดิมที่มักทำให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่สบาย

PROFHILO เหมาะกับใคร?

Profhilo เป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวเริ่มต้นจากการเสื่อมสภาพในระดับ เล็กน้อยถึงปานกลาง และต้องการปรับปรุงคุณภาพผิวให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปรับเนื้อผิวให้เรียบเนียน เพิ่มความชุ่มชื้น หรือกระชับผิว

การรักษานี้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุดเมื่อสัญญาณแห่งวัยเริ่มปรากฏ เช่น ผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยหรือริ้วรอยตื้น ๆ ที่ยังไม่ลึกจนเกินไป

เหมาะสำหรับผู้ชาย

Profhilo ยังเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ชาย เนื่องจากสามารถทำงานได้ดีกับผิวผู้ชายที่มีความหนากว่าผู้หญิง และไม่ทำให้โครงสร้างใบหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้ชาย เช่น ความเป็นชาย (Masculine Features) เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งต่างจากฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์ที่อาจทำให้ลุคดูอ่อนหวานหรือไม่เป็นธรรมชาติหากฉีดผิดวิธี

PROFHILO ฉีดอย่างไรให้เห็นผล?

การรักษาที่แนะนำ

  1. การรักษารอบแรก: การฉีด 2 ครั้ง โดยเว้นระยะห่าง 1 เดือน (0, 1 mo) แต่หากผู้ป่วยมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยอย่างรุนแรง อาจต้องเพิ่มการรักษาครั้งที่ 3 (0 , 1, 3 mo) เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมที่สุด
  2. การบำรุงรักษาต่อเนื่อง: หลังจากรอบแรกครบแล้ว แนะนำให้ทำการรักษาซ้ำทุกๆ 6 เดือน เพื่อคงผลลัพธ์

PROFHILO อยู่ได้นานแค่ไหน ?

การทำ Profhilo สามารถอยู่ได้ยาวนานถึง 6 – 9 เดือน ขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ของแต่ละบุคคล

เคล็ดลับเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนาน
• ดูแลผิวหลังฉีด: หลีกเลี่ยงแสงแดด การสัมผัสผิวแรง ๆ หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีเข้มข้นในช่วง 24 ชั่วโมงแรก
• ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์: เช่น การเว้นการออกกำลังกายหนัก ๆ และการอยู่ในที่ร้อนเกินไป เช่น ซาวน่า หลังฉีด 24 ชม. งดแต่งหน้า 4-6 ชั่วโมงหลังฉีดเพื่อป้องกันการติดเชื้อที่รอยรูเข็ม
• ดูแลสุขภาพโดยรวม: เช่น การดื่มน้ำให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำลายผิว เช่น สูบบุหรี่ แอลกอฮอล์ แสงแดด มลภาวะ ความเครียด

ผลลัพธ์จากการรักษาด้วย PROFHILO

เมื่อได้รับการฉีด Profhilo ลงไปในผิวหนัง ผลลัพธ์ที่เห็นได้อย่างชัดเจนในช่วงแรกคือการเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวและการลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ เนื่องจากกรดไฮยาลูรอนิกที่ขาดหายไปในผิวหนังได้รับการเติมเต็ม จากนั้นการกระชับผิวและการปรับปรุงความยืดหยุ่นของผิวก็จะเริ่มเห็นผลตามมา ผู้ที่ได้รับการรักษามักจะสังเกต

ผลลัพธ์หลังการฉีด PROFHILO


• ผิวดูชุ่มชื้น เรียบเนียน และกระชับขึ้น
• ลดเลือนริ้วรอยและความหย่อนคล้อย
• ผิวดูเปล่งปลั่งและสุขภาพดี

Profhilo เป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างเป็นธรรมชาติและยั่งยืน ด้วยเทคนิคการฉีดที่เหมาะสมและการดูแลหลังฉีดที่ถูกต้อง คุณจะเห็นผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจในเวลาไม่นาน!

"Radiance starts with what's inside"

คำถามที่พบบ่อย

Sculptra เหมาะกับใครหรือผิวแบบไหน?

ถ้าให้หมอสรุปสั้นๆ sculptra น่าจะเหมาะกับ ผู้ที่ผิวหย่อนคล้อยไม่กระชับ มีริ้วรอยเล็กๆ ต้องการให้คุณภาพผิวดีขึ้น ใบหน้ายกกระชับ แบบเป็นธรรมชาติและอยู่ได้นาน

Profhilo ต่างจาก Sculptra อย่างไร ?

Profhilo มีส่วนประกอบหลักเป็น Hyaluronic Acid (HA) สังเคราะห์บริสุทธิ์ 100% ซึ่ง HA เป็นสารธรรมชาติที่มีอยู่ในร่างกายของมนุษย์อยู่แล้ว และด้วยเทคโนโลยีการผลิตแบบเฉพาะ ทำให้เมื่อฉีดเข้าไปแล้ว Profhilo จะช่วยฟื้นฟูผิวได้ทุกระดับชั้นตั้งแต่ชั้นผิวหนัง ไขมัน กล้ามเนื้ิอ ไปจนถึงชั้นกระดูก และช่วยกระตุ้นการสร้าง คอลลาเจน อีลาสติน ในผิวโดยไม่ผ่านกระบวนการอักเสบ ส่วน Sculptra มีส่วนประกอบหลักเป็น Poly-L-lactic acid (PLLA) ซึ่งเมื่อฉีดเข้าไปในผิวแล้ว จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน โดยผ่านกระบวนการอักเสบ แต่ก็สามารถยกกระชับผิวได้ดีกว่าค่ะ

Sculptra ต่างจาก Radiesse อย่างไร ?

Sculptra มีส่วนประกอบหลักเป็น Poly-L-lactic acid (PLLA) ซึ่งเมื่อฉีดเข้าไปในผิวแล้ว จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน โดยผ่านกระบวนการอักเสบ ส่วน Radiesse มีส่วนประกอบหลักเป็น Calcium Hydroxyapatite (CaHA) ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่มีอยู่แล้วในร่างกาย เมื่อฉีดเข้าไปในผิวแล้ว จึงสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน ได้โดยไม่ผ่านกระบวนการอักเสบ ทั้ง 2 ตัว สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนังได้ดี อาจจะไม่ต่างกันมาก แต่จุดเด่นของ Radiesse คือ สามารถฉีดในตำแหน่ง ร่องแก้ม ร่องมุมปาก สร้างกรอบหน้าได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ใบหน้าขาดวอลลุ่ม แต่ไม่เหมาะกับคนมีแก้ม หรือเนื้อเยอะเท่าไหร่ค่ะ เนื่องจากหลังฉีด Radiesse จะให้วอลลุ่มคล้ายกับการเติมฟิลเลอร์ในช่วง 3 เดือนแรกค่ะ ทำให้อาจจะรู้สึกว่าแก้มเยอะขึ้น หน้าใหญ่ขึ้นได้ค่ะ ดังนั้น คนที่มีแก้มหรือเนื้อเยอะ แต่ผิวหย่อนคล้อย จะแนะนำให้ฉีด Sculptra มากกว่าค่ะ

ราคาฉีด Sculptra ประมาณเท่าไหร่? ทำไมบางที่ถูกจัง

ต้องระวังไว้ก่อนเลยค่ะ อะไรที่ถูกเกินจริงก็มักจะแฝงมาด้วยของแถมที่ไม่พึงประสงค์ ถ้าประเมินโดยแพทย์ ใช้ยาของแท้ ราคาขึ้นอยู่กับปริมาณที่ใช้ ต่อ 1 กล่อง อยู่ที่ประมาณ 22,000 - 50,000 บาทต่อขวด ถือว่าราคามาตรฐาน แล้วแต่โปรโมชั่นของสถานพยาบาล ซึ่งอาจต้องใช้ 2-3 ขวดในการรักษาหนึ่งคอร์ส แต่ราคาไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ควรพิจารณานะคะ ความเชี่ยวชาญของแพทย์และความปลอดภัยสำคัญกว่า

โปรแกรมนี้ให้บริการโดย:

แพทย์ประจำคลินิก

ใช้เวลาประมาณ:

30

นาที

✰✰✰✰✰

SOLUNA FEEDBACK

google

คลินิก เหมือนคาเฟ่ คุณหมอใจดี บริการอย่างจริงใจ ใส่ใจคนไข้ และ ได้มาตราฐาน เลิฟมากคะ

Soluna 17/10/2024
google

บรรยากาศดีมาก ๆ ภายในตกแต่งสวยงามจนต้องถ่ายรูปเก็บไว้เลย แถมบริการดีมาก ๆ ด้วยค่ะ

google

คลินิกสะอาดใหม่พนักงานบริการดีมากคุณหมอใส่ใจคนไข้มากๆเข้ามาให้ความรู้ให้บริการตัวเองกับคนไข้ตลอดรวมไปถึงแนะนำสิ่งดีดีให้คนไข้ตอบโจทย์มากๆ ที่สำคัญไม่ฮาร์ดเซล ปลื้ม ราคาก้ดี

Xs_mac P 06/10/2024
google

คลีนิคอบอุ่น บรรยากาศดี คุณหมอปุ้ยแนะนำดีมากๆค่ะ ฉีดเมโสที่นี้คือดีจริงๆ ใสฉ่ำมาก คลีนิคก็ที่จอดรถเยอะ ใกล้เซเว่นด้วยค่ะ น้องๆพนักงานก็น่ารักยิ้มแย้มดีค่า

google

เป็นคลีนิกที่จริงใจมาก 10/10 ไม่ยัดเยียด ไม่ขายครอส คุณหมอ/น้องๆพนักงาน น่ารักแนะนำดีมาก ยาแท้ตรวจสอบได้ เครื่องเลเซอร์ต่างๆใดๆ คือ ดี เครื่องไม่ก๊องแก๊ง แนะนำเลยค่ะ 🥰🥰🥰❤️❤️❤️❤️

google

คุณหมอน่ารัก ให้ข้อมูลดีมากค่ะ และมือเบามากกก ☺️ ทำทรีทเมนต์ก็ดีมากค่ะ น้องพนักงานสุภาพ ทำแล้วหลับทุกที 😆 เดินทางสะดวกเข้าซอยนิดเดียว

taan natcha 14/09/2024
google

บอกเลยว่าแต่ก่อนมีรอยสิวเยอะมากแต่พอมาที่คลินิกนี้ คุณหมอแนะนำดีมาก ว่าเราควรใช้หัตถการอะไร หมอไม่ขายคอร์สเลยแนะนำสิ่งที่ หมอไม่ขายคอร์สเลยแนะนำสิ่งที่เหมาะสมกับเรามากที่สุด แนะนำแนะนำเลยนะครับหัตถการอื่นๆก็มีราคาน่ารัก

loading..

Soluna Space

คลินิกได้มาตรฐาน พร้อมบรรยากาศที่ผ่อนคลาย กับงานบริการที่คุณจะประทับใจจนต้องแชร์ประสบการณ์