PROFHILO คืออะไร ?
Profhilo (โปรฟิโล) เป็นนวัตกรรม Bio-Remodelling ที่ออกแบบมาเพื่อฟื้นฟู ซ่อมแซมและปรับโครงสร้างผิวใหม่อย่างล้ำลึก ด้วยส่วนประกอบหลักจาก กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid – HA) สังเคราะห์บริสุทธิ์ 100% ปราศจากสารเติมแต่งหรือเจือปนใด ๆ ซึ่งทำให้สามารถกระตุ้นการฟื้นฟูผิวในระดับเซลล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Profhilo ช่วยกระตุ้นการสร้าง คอลลาเจน และ อีลาสติน ในผิวโดยไม่ก่อให้เกิดการอักเสบ พร้อมลดเลือนริ้วรอยและความหย่อนคล้อย คืนความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้นให้แก่ผิวอย่างเต็มที่ ผลลัพธ์ที่ได้คือผิวที่ดูเปล่งปลั่ง กระชับ และอ่อนเยาว์ เปรียบเสมือนการฟื้นคืนชีวิตชีวาให้กับผิวอีกครั้ง
PROFHILO ฟื้นฟูผิวอย่างไร ?
Profhilo เป็นนวัตกรรมที่ช่วยฟื้นฟูและปรับโครงสร้างผิวในทุกชั้นผิว ด้วยการทำงานแบบ “Bio-Remodelling” โดยกระตุ้นการสร้างและซ่อมแซมเซลล์ในชั้นต่าง ๆ ของผิวอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ผิวดูอ่อนเยาว์ เต่งตึง และสุขภาพดี
การทำงานในแต่ละชั้นผิว
- ชั้นผิวกำพร้า (Epidermis)
• กระตุ้นเซลล์ Keratinocytes ที่ช่วยสร้างโปรตีนเคราติน
• เพิ่มเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง ลดการสูญเสียความชุ่มชื้น
• ทำให้ผิวเรียบเนียน ดูสุขภาพดี - ชั้นหนังแท้ (Dermis)
• กระตุ้นเซลล์ Fibroblast ที่มีหน้าที่สร้างคอลลาเจน อีลาสติน และสารในโครงสร้างผิว
• เพิ่มความยืดหยุ่น ความแน่นกระชับ และลดเลือนริ้วรอย
• ฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์ - ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat)
• กระตุ้นเซลล์ Adipocyte ช่วยเพิ่มปริมาตรและความสมบูรณ์ของชั้นไขมันใต้ผิว
• ลดรอยลึก ทำให้ใบหน้าดูอิ่มเอิบและมีวอลลุ่ม - ชั้นกล้ามเนื้อ (Muscle)
• กระตุ้นเซลล์ Myocytes เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ
• ช่วยยกกระชับผิวและโครงหน้าทำให้ใบหน้าดูเต่งตึง - ชั้นกระดูก (Bone)
• กระตุ้นเซลล์ Osteoblasts ซึ่งช่วยฟื้นฟูความหนาแน่นของกระดูกใบหน้า
• ปรับสมดุลโครงสร้างใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ในระยะยาว
PROFHILO กระตุ้นคอลลาเจนหลากหลายชนิด
Profhilo สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนถึง 4 ชนิด ได้แก่
• Collagen Type I: ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของผิว
• Collagen Type III: เพิ่มความยืดหยุ่นของผิว
• Collagen Type IV: ช่วยในกระบวนการสร้างโครงสร้างผิว
• Collagen Type VII: ช่วยยึดผิวให้แน่นกระชับ
ผลลัพธ์ที่ได้คือผิวที่เรียบเนียน เต่งตึง ชุ่มชื้น และมีสุขภาพดี
ข้อมูลนี้ไม่เกินจริงเพราะมีงานวิจัยเยอะมากๆทั่วโลกว่า เมื่อคนมีอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป ปริมาณคอลลาเจนในผิวหนังจะลดลง 1.5% ทุกปี
โดยเฉพาะหลังอายุ 25 ปี ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง ซึ่งส่งผลต่อความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของผิวหนัง การลดลงของคอลลาเจนนี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการชราภาพตามธรรมชาติ
PROFHILO เพิ่มการไหลเวียนโลหิตที่ดีขึ้น
Profhilo ยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตในบริเวณที่ทำการรักษา ส่งผลให้ผิวดูเปล่งปลั่ง สดใส และมีชีวิตชีวา
ด้วยการทำงานแบบ Bio-Remodelling
Profhilo จึงไม่ใช่แค่การเติมเต็มผิว แต่เป็นการฟื้นฟูโครงสร้างผิวอย่างล้ำลึกในทุกชั้นผิว ช่วยชะลอความเสื่อมของผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ คืนความอ่อนเยาว์และสุขภาพดีให้ผิวในระยะยาว
PROFHILO – Not Skinbooster or Filler
Hyaluronic Acid (HA) เป็น polysaccharide (พอลิแซ็กคาไรด์) สารที่มีอยู่ในร่างกายของมนุษย์ตามธรรมชาติ หน้าที่หลักของมันคือช่วยคงความชุ่มชื้นให้กับเนื้อเยื่อ คุณสมบัติพิเศษของ HA คือการกักเก็บน้ำในผิวหนัง ทำให้ผิวสามารถรักษาความชุ่มชื้นได้ดี อย่างไรก็ตาม เมื่อเราอายุมากขึ้น ปริมาณ HA ในผิวจะลดลง ส่งผลให้ผิวบางลง ดูแห้งกร้าน และมีริ้วรอยที่ชัดเจนมากขึ้น
Skinboosters: เติมความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นให้ผิว
Skinboosters เป็นการรักษาที่ออกแบบมาเพื่อเติม Hyaluronic Acid ที่สูญเสียไปในชั้นผิว โดยใช้สาร HA ที่มีความหนืดต่ำฉีดเข้าไปในชั้นกลางของผิวหนัง (Mid Dermis) เพื่อฟื้นฟูความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่น
Filler: เพิ่มปริมาตรและปรับรูปหน้า
ฟิลเลอร์ออกแบบมาเพื่อเติมเต็มในบริเวณที่สูญเสียไป หรือเติมเต็มร่องลึกต่าง ๆ โดยมักฉีดในชั้นผิวที่ลึกกว่า มีส่วนประกอบหลักคือ Hyaluronic Acid เช่นกัน แต่ HA ในฟิลเลอร์ถูกปรับเปลี่ยนด้วยกระบวนการเชื่อมขวาง (Cross-Linking) โดยใช้สารเคมีอย่าง 1,4-Butanediol diglycidyl ether (BDDE) เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานขึ้น
PROFHILO: นวัตกรรมใหม่ที่แตกต่างจาก Skinboosters และ Filler
แม้ว่า Profhilo จะมีส่วนประกอบหลักเป็น Hyaluronic Acid เช่นกัน แต่หัวใจสำคัญของ Profhilo คือเทคโนโลยีล้ำสมัยที่เรียกว่า Hybrid Cooperative Complex (HCC) ซึ่งเป็นโครงสร้าง Hyaluronic Acid ที่พัฒนาขึ้นมาโดยเฉพาะ Profhilo ไม่ได้เน้นการเติมเต็มหรือการเพิ่มความชุ่มชื้นเฉพาะจุด แต่เข้าไป ปรับปรุง ฟื้นฟูคุณภาพผิวโดยรวมในระดับลึก ผ่านการกระตุ้นการสร้าง คอลลาเจน และ อีลาสติน ในผิว
Profhilo – นวัตกรรม Hybrid Cooperative Complexes ที่มาพร้อมคุณสมบัติเฉพาะตัว
Profhilo เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นของ Hyaluronic Acid (HA) สูงที่สุดในปัจจุบัน โดยมีความเข้มข้น 32 มก./มล. (เปรียบเทียบกับ Juvederm Voluma และ Restylane ที่มีความเข้มข้นเพียง 20 มก./มล.)
Hyaluronic Acid ใน Profhilo ประกอบด้วยทั้ง HA น้ำหนักโมเลกุลสูง (High Molecular Weight : H-HA) และ HA น้ำหนักโมเลกุลต่ำ (Low Molecular Weight : L-HA) ซึ่งไม่มีการเชื่อมขวาง (Non-Crosslinked) ต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไป
ด้วยกระบวนการเฉพาะที่เรียกว่า NAHYCO® Hybrid Technology ทำให้สายโซ่ของ H-HA และ L-HA ใน Profhilo สามารถรวมตัวกันเป็น Hybrid Cooperative Complex (HCC) ที่มีคุณสมบัติทางกายภาพที่โดดเด่น
คุณสมบัติพิเศษของ PROFHILO
- ความเข้มข้นของ HA สูงมาก
• Profhilo มี HA ทั้ง H-HA และ L-HA ในปริมาณ 32 มก./มล. รวมกันทั้งหมด 64 มก. ใน 2 มล. ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในบรรดาผลิตภัณฑ์ HA ที่มีในขณะนี้ทั้งหมด - การกระจายตัวอย่างกว้างขวาง (Extensive Spreadability)
• Profhilo มีค่า Tan Delta (อัตราส่วนระหว่างความหนืดและความยืดหยุ่น) เท่ากับ 1.36 ซึ่งช่วยให้ HA สามารถกระจายตัวทั่วใบหน้าได้อย่างสม่ำเสมอหลังการฉีด - ความหนืดต่ำ (Low Viscosity)
• Profhilo มีค่า G’ (ค่าความแข็งแรงของเจล) เท่ากับ 39 ซึ่งหมายความว่าไม่สามารถยกโครงสร้างผิวได้เหมือนฟิลเลอร์ทั่วไป แต่เน้นการฟื้นฟูผิวในระดับลึกแทน - ไม่มีสารเชื่อมขวาง (BDDE-Free)
• ไม่มีการใช้สารเคมีอย่าง 1,4-Butanediol diglycidyl ether (BDDE) หรือสารอื่น ๆ ในการเชื่อมขวาง HA - การตอบสนองอักเสบต่ำ (Low Inflammatory Response)
• ด้วยความเหนียวแน่น และการผสานตัวกับผิวที่ดีเยี่ยม HA ใน Profhilo จึงไม่ก่อให้เกิดการอักเสบหลังฉีด - คงอยู่ในผิวได้นานกว่าผลิตภัณฑ์ HA ที่ไม่เชื่อมขวางอื่น ๆ
• Profhilo สามารถอยู่ในผิวได้ถึง 30-45 วัน ก่อนถูกย่อยสลายตามธรรมชาติ โดยเอนไซม์ Hyaluronidase ซึ่งใกล้เคียงกับ HA ที่ผ่านการเชื่อมขวางบางชนิด ในขณะที่ HA ที่ไม่เชื่อมขวางทั่วไปมักคงอยู่เพียงวันเดียว
ด้วยเทคโนโลยี Hybrid Cooperative Complexes ที่เป็นเอกลักษณ์ Profhilo จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมือนฟิลเลอร์หรือสกินบูสเตอร์ทั่วไป มันช่วยฟื้นฟูและปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวม ผ่านการกระจายตัวที่สม่ำเสมอ การให้ความชุ่มชื้นอย่างล้ำลึก และการคงอยู่ในผิวได้นาน โดยไม่ก่อให้เกิดการอักเสบ เป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์การดูแลผิวในยุคปัจจุบันได้อย่างสมบูรณ์แบบ
การรักษาที่ปลอดภัยและความเจ็บปวดน้อยด้วยเทคนิค BAP
หนึ่งในจุดเด่นที่ทำให้ Profhilo ได้รับความนิยมอย่างมาก คือเทคนิคการฉีดที่เรียกว่า BAP Technique ซึ่งช่วยลดจำนวนจุดที่ต้องฉีดเมื่อเทียบกับ Skinboosters แบบเดิม ที่มักต้องใช้หลายจุดทั่วใบหน้า ทำให้การรักษาสะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพสูง ผู้ที่เข้ารับการรักษาสามารถมั่นใจได้ในผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความไม่สะดวกหรือเวลาพักฟื้นนาน
สำหรับ Profhilo การรักษาบริเวณใบหน้าและลำคอต้องใช้เพียง
• 5 จุดต่อข้างบนใบหน้า
• 10 จุดสำหรับลำคอทั้งหมด
BAP Technique คืออะไร?
BAP (Bio Aesthetic Points) เป็นการเลือกจุดฉีด 5 จุดบนใบหน้าที่ถูกออกแบบมาอย่างเหมาะสมตามหลักกายวิภาค โดยเลือกบริเวณที่มีหลอดเลือดและเส้นประสาทขนาดใหญ่อยู่ในปริมาณน้อย จึงช่วยลดความเสี่ยงจากการฉีด และยังช่วยให้ผลิตภัณฑ์กระจายตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพในบริเวณโหนกแก้ม (Malar) และใต้โหนกแก้ม (Submalar)
ความพิเศษของ Profhilo คือการใช้ Hybrid Cooperative Complexes (HCC) ที่ช่วยลดความหนืดของผลิตภัณฑ์ แต่ยังคงคุณสมบัติการกระจายตัวในเนื้อเยื่อได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้สามารถฉีดในจำนวนจุดที่น้อยลง แต่ได้ผลลัพธ์ที่ครอบคลุม
การรักษาบริเวณอื่น
สำหรับบริเวณลำคอ การฉีดจะใช้ 10 จุด ทั่วบริเวณ โดยมีมาตรฐานที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม การฉีด Profhilo ในบริเวณอื่น เช่น หน้าผากหรือแขน ยังคงอยู่ในระหว่างการพัฒนามาตรฐานและโปรโตคอล (Protocol) การรักษา
ข้อดีของเทคนิค BAP
• ลดความเจ็บปวดและระยะเวลาพักฟื้น
• เทคนิค BAP ช่วยลดความไม่สบายตัวที่เกิดจากการฉีดหลายจุดเมื่อเทียบกับ Skinboosters หรือ Mesotherapy แบบเดิม
• ผลข้างเคียงมีเพียงอาการบวมเล็กน้อยหรือรอยช้ำ ซึ่งจะหายไปเองในเวลาอันสั้น
• หลังฉีด อาจมีตุ่มนูนเล็ก ๆ ที่จุดฉีด แต่จะจางหายภายในไม่กี่ชั่วโมง เมื่อผลิตภัณฑ์เริ่มกระจายตัวทั่วผิวหนัง
• ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ
• เทคนิคนี้ได้รับการพิสูจน์ในงานวิจัยทางคลินิกหลายฉบับว่ามีประสิทธิภาพสูง และช่วยลดการใช้เทคนิคฉีดแบบเดิมที่มักทำให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่สบาย
PROFHILO เหมาะกับใคร?
Profhilo เป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวเริ่มต้นจากการเสื่อมสภาพในระดับ เล็กน้อยถึงปานกลาง และต้องการปรับปรุงคุณภาพผิวให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปรับเนื้อผิวให้เรียบเนียน เพิ่มความชุ่มชื้น หรือกระชับผิว
การรักษานี้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุดเมื่อสัญญาณแห่งวัยเริ่มปรากฏ เช่น ผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยหรือริ้วรอยตื้น ๆ ที่ยังไม่ลึกจนเกินไป
เหมาะสำหรับผู้ชาย
Profhilo ยังเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ชาย เนื่องจากสามารถทำงานได้ดีกับผิวผู้ชายที่มีความหนากว่าผู้หญิง และไม่ทำให้โครงสร้างใบหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้ชาย เช่น ความเป็นชาย (Masculine Features) เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งต่างจากฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์ที่อาจทำให้ลุคดูอ่อนหวานหรือไม่เป็นธรรมชาติหากฉีดผิดวิธี
PROFHILO ฉีดอย่างไรให้เห็นผล?
การรักษาที่แนะนำ
- การรักษารอบแรก: การฉีด 2 ครั้ง โดยเว้นระยะห่าง 1 เดือน (0, 1 mo) แต่หากผู้ป่วยมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยอย่างรุนแรง อาจต้องเพิ่มการรักษาครั้งที่ 3 (0 , 1, 3 mo) เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมที่สุด
- การบำรุงรักษาต่อเนื่อง: หลังจากรอบแรกครบแล้ว แนะนำให้ทำการรักษาซ้ำทุกๆ 6 เดือน เพื่อคงผลลัพธ์
PROFHILO อยู่ได้นานแค่ไหน ?
การทำ Profhilo สามารถอยู่ได้ยาวนานถึง 6 – 9 เดือน ขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ของแต่ละบุคคล
เคล็ดลับเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนาน
• ดูแลผิวหลังฉีด: หลีกเลี่ยงแสงแดด การสัมผัสผิวแรง ๆ หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีเข้มข้นในช่วง 24 ชั่วโมงแรก
• ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์: เช่น การเว้นการออกกำลังกายหนัก ๆ และการอยู่ในที่ร้อนเกินไป เช่น ซาวน่า หลังฉีด 24 ชม. งดแต่งหน้า 4-6 ชั่วโมงหลังฉีดเพื่อป้องกันการติดเชื้อที่รอยรูเข็ม
• ดูแลสุขภาพโดยรวม: เช่น การดื่มน้ำให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำลายผิว เช่น สูบบุหรี่ แอลกอฮอล์ แสงแดด มลภาวะ ความเครียด
ผลลัพธ์จากการรักษาด้วย PROFHILO
เมื่อได้รับการฉีด Profhilo ลงไปในผิวหนัง ผลลัพธ์ที่เห็นได้อย่างชัดเจนในช่วงแรกคือการเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวและการลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ เนื่องจากกรดไฮยาลูรอนิกที่ขาดหายไปในผิวหนังได้รับการเติมเต็ม จากนั้นการกระชับผิวและการปรับปรุงความยืดหยุ่นของผิวก็จะเริ่มเห็นผลตามมา ผู้ที่ได้รับการรักษามักจะสังเกต
ผลลัพธ์หลังการฉีด PROFHILO
• ผิวดูชุ่มชื้น เรียบเนียน และกระชับขึ้น
• ลดเลือนริ้วรอยและความหย่อนคล้อย
• ผิวดูเปล่งปลั่งและสุขภาพดี
Profhilo เป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างเป็นธรรมชาติและยั่งยืน ด้วยเทคนิคการฉีดที่เหมาะสมและการดูแลหลังฉีดที่ถูกต้อง คุณจะเห็นผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจในเวลาไม่นาน!